Arknight Rhodes Island (อาคไนท์ โรสไอซ์เเลนด์) - นิยาย Arknight Rhodes Island (อาคไนท์ โรสไอซ์เเลนด์) : Dek-D.com - Writer
×

    Arknight Rhodes Island (อาคไนท์ โรสไอซ์เเลนด์)

    ผมเอาเนื้อเรื่องขอเกม อาคไนท์ มาทำเพราะคนเล่นส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจเนื้อเรื่อง

    ผู้เข้าชมรวม

    552

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    15

    ผู้เข้าชมรวม


    552

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    6
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  7 มี.ค. 65 / 20:43 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

         

    หลังจากที่ฉันตื่นขึ้นมาจากเครื่องจำศิล เเบบเเช่เเข็ง หลังจากที่ฉันตื่นขึ้นมา ฉันก็เสียความทรงจำหมดทุกอย่าง เเล้วก็มีเด็กสาวอยู่ข้างหน้าฉัน

    เธอน่าจะเป็นคนปลุกฉันขึ้นมา ผมที่จำอะไรไม่ได้เเม้เเต่ชื่อ เธอจึงมาอธิบาย


       อมิยะ: ฉันชื่อ อมิยะ มาจากกลุ่ม โรสไอซ์เเลนด์ เเละคุณเป็นบุคลสำคัญคนนึง ของโรสไอซ์เเลนด์ด้วย..


         หลังจากแม้จะยังพูดไม่เสร็จ ก็มีกลุ่มคนติดอาวุธบุกเข้ามา มันคือกลุ่ม Reunion ริโอเนี่ยน

        อมิยะ: คุณช่วยบัญชาการณ์ทีมของฉันรับมือศัตรูที่บุกเข้ามา เพราะคุณเป็นหมอ เเละเป็นผู้บัญชาการที่สุดยอด

        เเละจู่ก็มีภาพย้อนอดีต ซึ่งดูเหมือนว่าฉันจะเป็นคนดูเเลอมิยะเเละก็เป็นผู้บัญชาการอย่างที่เธอว่าไว้ 

         ฉันได้บัญชาการทีมในการสู้กับพวก ริโอเนี่ยน เเละชนะมาได้เพราะจากที่ดูน่าจะเป็นกลุ่มเล็กๆเท่านั้น เเละตอนนี้เราได้อยุ่ในตึก ร้างเเห่งหนึ่งของเมืองโชโนบล็อคที่ตั้งอยู่ในประเทศ เออซัส ซึ่งภารกิจของอมิยะคือการพาฉันไปที่จุดนัดพบที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง 

    เพื่อที่จะได้พาเรากลับไปที่โรสโอซ์เเลนด์ เเละดูเหมือนตอนนี้เมืองก็ลุกเป็นไฟ

    เพราะถูกพวก ริโอเนี่ยน บุกเข้าโจมตี นอกจากทีมของอมิยะ เเล้วก็มีทีมของ โดเมอร์เเมน 

    เเละทีมของ เอดซ์ 

    โดย โดเมอร์เเมน ไม่รู้จักกับเรามาก่อนเธอเลยไม่เชื่อใจ เเต่ เอดซ์ที่รู้จักเรามาก่อน พอรู้ว่าเราเสียความทรงจำ สิ่งเเรกที่เค้าถาม อมิยะเลยคือ 

        เอดซ์ :อมิยะควาสามารถในการบัญชาการของเค้ายังสุดยอดอยู่ไหม    

        อมิยะ: ยังสุดยอดเหมือนเดิม

         เอดซ์: งั้นเอาทีมของฉันไปคุมได้เลย

         ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อ เอดซ์จะรู้จักฉันมาก่อนเเละก็ดูเชื่อใจฉันมากด้วย

          หลังจากนั้นข้อมูลจากด็อกเตอร์คลาวซิส ว่าอีก3ชั่วโมวจะเกิด เเคทตาลอตฟี่ หรือ ภัยพิบัติขึ้นภายในเมืองโชโนบล็อค 


    เพราะฉะนั้นพวกเราต้องรีบออกจากเมืองให้เร็ว

          หลังจากที่เราฝ่ากลุ่มริโอเนี่ยนก็ได้มาเจอผู้นำของริโอเนี่ยน2คนคือ คลาวสเลเยอร์ 

    กับ เนฟิโซ่ 

    โดยคลาวสเลเยอร์จะนำทีของเค้าถอยทัพกลับไปเนื่องจากเค้าทำภาระกิจทำลายเเหล่งพลังงานของเมืองนี้เสร็จเเล้ว บวกกับโดน ตัวของ เนฟิโซ่ไล่ด้วย  โดยเหลือเเค่กลุ่มของเรากับเนฟิโซ่

        เนฟิโซ่: ซึ่งการเจอกับพวกเราเป็นความบังเอิญล้วนๆเลย พวกเธอไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรา ฉันจะให้พวกนายผ่านไปโดยไม่สู้ก็ได้ เเต่มีข้อเเม้ว่า ต้องส่งตัวของ ด็อกเตอร์ ให้กับฉัน

        ด็อกเตอร์ก็คือตัวฉันที่ทุกคนเรียกกัน ซึ่ฃเนฟิโซ่ก็มี ลางสังหรณ์ ว่าตั้งฉันจะเป็นคนสำคัญเเละกุมความลับบางอย่างไว้ โดยอมิยะไม่ยอม จนทำให้กลุ่มของเรากับเนฟิโซ่ต้องเข้าปะทะกัน

       เเต่กลุ่มของริโอเนี่ยนมีจำนวณมากกว่าเรา เเละตอนที่กลุ่มของเรากำลังเข้าตาจน เนียล์เเละทีของเธอก็ได้มาช่วยเราไว้

    เเละทำให้ สถานการณ์ของเรากลับมาได้เปรียบ เนฟิโซ่ก็เริ่ม หงุดหงิด เพราะไม่เป็นไม่ตามเเผนที่เค้าวางไว้เเละโดนเนียล์ด่าซ้ำอีก

        เนียล์: เเก่มันเด็กโรคจิต ไร้ประสิทธิภาพห่วยเเตก

        เซฟิโซ่เลยสั่งสไนเปอร์ที่ซ่อนอยู่ยิงไปที่เนียล์ 

        เนฟิโซ่ :สโนเปอร์ยิงมันซะ

        เเต่เนียล์ก็ผ้องกะนไว้ได้ทำให้เนฟิโซ่เลือดขึ้นหน้า

    สั่งให้ยิงซ้ำไปอีก เเต่ครั้งนี้ยิงออกมาพร้อมกัน2ด้าน เอดซ์จึกเข้ามาช่วยป้องกัน 

        เอ็กซ์:สไนเปอร์ยิงกดดัน สไนฝั่งซ่ะ

       พอเริ่มควบคุมสถานการณ์ได้ เนียล์ก็ได้ฟามกลุ่มของโรสไอซ์เเลนด์ ฝ่าวงล้อมของริโอเนี่ยนได้สำเร็จ เเต่ก็ยังติดอยู่ในเมืองโชโนบล็อคยังไปไม่ถึงจุดนัดพบ 

       (ฝั่งของ เนฟิโซ่ )

      เฟ้าซ์(สไนเปอร์): ขอโทษ เนฟิโซ่ เป็นเพราะฉันที่ทำพลาด

      เนฟิโซ่ :ไม่เป็นไรเป็นเพราะฉันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เอง เฟ้าซ์ นายสกดรอยตามโรสไอซ์เเลนไป เเละระวังตัวด้วย เพราะความปลอดภับของนายเป็นอันดับ1

       หลังจากนั้นเนฟิโซ่ก็ได้ นำเรื่องที่เจอกลุ่ม โรสไอซ์เเลนด์ไปบอก ทาโรล่า ได้รับทราบ

    นี่คือเนื้อเรื่องบทที่0 โดยจากนี้จะเล่า เรื่องของดาว 

    Terra คือดาวเคราะน์หลักที่เกม Arknights ใช้ในการดำเนินเรื่อง แม้ว่าจะเป็นดาวสมมติแต่มันก็ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ โดยดาวดวงนี้จะมีสิ่งมีชิวิตอาศัยอยู่ด้วยกันหลายเผ่าพันธ์ ซึ่งโดยมากแล้วหากมองจากมุมมองฝั่งเราก็จะรู้สึกว่าพวกนี้เป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ แต่คำว่าครึ่งก็ไม่ได้อาจหมายความเช่นนั้นเสียทีเดียว แต่ละคนก็จะมีอวัยวะที่เป็นสัตว์หรือเป็นคนไม่เท่ากัน กระนั้นจุดเด่นที่บ่งชี้ว่าเป็นสัตว์ชนิดใด

    ก็ค่อนข้างชัดเจน ทำให้เราๆ พอมองว่าว่าเธอคนนี้หรือหมอนี่เป็นสัตว์ประเภทใด นอกจากเรื่องข้างต้นโลกของ Terra มีลักษณะทางสภาวะแวดล้อมและการดำรงอยู่ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะ Terra เป็นดาวที่มีภัยภิบัติเกิดขึ้นบ่อยครั้งจัดๆ แม้สาเหตุจะยังไม่แน่ชัด แต่เพราะเป็นเรื่องที่เกิดมานานนมจนถูกมองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิจึงต้องมีการปรับตัว สภาพสังคมของผู้คนที่อาศัยอยู่บน Terra แม้คลับคล้ายเราแต่ก็แตกต่าง พวกเขามีทั้งสังคมเมืองและชนบท เพียงแต่เมืองใหญ่ๆ ของพวกเขาจะถูกแบ่งเป็นส่วนๆ และแต่ละส่วนก็สามารถเคลื่อนที่ออกจากกันได้ในลักษณะของยานพาหนะขนาดยักษ์ เพื่อหลบลี้จากภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งจะถูกพยากรณ์ล่วงหน้าด้วยระบบ Multimethod Catastrophe Prediction ทำให้พวกเขาใช้เวลาเพียง 2-8 สัปดาห์ในการอพยพและหลีกลี้จากหายนะทางธรรมชาติได้อย่างทันท่วงที


    โดยตัวแปรสำคัญที่ทำให้ชาว Terra สามารถคิดค้นเมืองเคลื่อนที่ได้ก็คือแร่ที่ถูกเรียกว่า “Originium ออริจิเนี่ยม



    “ในศตวรรษที่ผ่านมา Originium ได้กลายเป็นดั่งเลือดที่หล่อเลี้ยงโลกทั้งใบ มันก่อเกิดความโลภ พลังอำนาจ ความเจ็บปวด เกลียดชัง กระทั้งไม่นานปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกฟูมฟักขึ้น


    — พวกเรา


    ชื่อถูกลบหาย ตัวตนได้ตายจาก กลายเป็นเพียง


    — ผู้ติดเชื้อ

     Originium พลังอนันต์ที่มาพร้อมคำสาป


    Originium คือแร่ที่มักถูกพบอยู่ในบริเวณเดียวกับที่เกิดภัยพิบัติขึ้น และในเมื่อภัยพิบัติคือสิ่งที่กำเนิดบ่อยครั้งก็ทำให้ดาว Terra มีแร่ชนิดนี้อยู่มาก ลักษณะทางกายภาพของมันโดยมากแล้วจะคล้ายผลึกแก้วที่ไม่ใสนัก กระทั่งเมื่อมันถูกนำมาทำการวิจัยทำให้ชาว Terra พบว่า Originium คือแร่ที่ให้พลังงานสูงมากๆ มันจึงถูกนำมาใช้ในการอุตสาหกรรมจนส่งผลให้เทคโนโลยีของชาว Terra รุดไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Originium ยังถูกนำมาใช้ในแง่การเป็นวัตถุดิบสร้างยุทโธปกรณ์ต่างๆ อีกต่างหาก ไม่แปลกที่มันจะกลายเป็นดั่งสิ่งขับเคลื่อนโลกทั้งใบในเวลาไม่นาน

    แต่พลังที่ยิ่งใหญ่ย่อมมาพร้อมสิ่งแลกเปลี่ยนที่ใหญ่ยิ่ง…

    เมื่อชาว Terra ต้องคลุกคลีกับแร่ชนิดนี้ในทุกภาคส่วนของชีวิต พวกเขาก็ค่อยๆ ถูกผลกระทบจากกัดกินอย่างแช่มช้าทว่าแน่นอนในรูปแบบของอาการเจ็บป่วยซึ่งถูกเรียกว่า “โรค Oripathy” 


    Oripathy ไม่ใช่โรคที่เป็นไวไปไว แต่มันจะกลืนกินร่างกายผู้ป่วยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ลักษณะอาการจะแสดงออกทางผิวหนังซึ่งค่อยๆ กลายเป็นผลึก แต่อาการที่เกิดกับอวัยวะภายในกลับร้ายแรงยิ่งกว่า โรคนี้หากเป็นแล้วก็จะไม่มีทางหายเอง ไม่มีทางรักษา ผู้ป่วยทำได้เพียงมีชีวิตเพื่อรอวันป่วยตายอย่างช้าๆ ก็เท่านั้น ทว่าแม้แต่ความตายก็ไม่อาจหยุด Oripathy ได้ เพราะเมื่อผู้ป่วยเสียชีวิตลงจากอาการนี้ ศพของพวกเขาก็จะเป็นตัวแพร่เชื้อสู่อากาศชั้นดี และพร้อมจะติดต่อสู่ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่อไป

    เมื่อผู้ป่วยมีในสังคมมากขึ้น ทั้งยังส่งผลเปลี่ยนแปลงชัดเจนในทางกายภาพ ความเดียดฉันท์จึงก่อตัวขึ้นระหว่างคนปกติและผู้ติดเชื้อ เกิดการแบ่งแยกกันในสังคม ผู้ติดเชื้่อกลายเป็นพลเมืองชั้น 2 ที่ถูกเลือกปฎิบัติ นานวันเข้าความแตกแยกยิ่งรุนแรงขึ้น เกิดการประท้วงเรียกร้องสิทธิ์โดยผู้ป่วยหลายๆ ครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขหรือตอบสนองที่ดีเท่าที่ควร กระทั่งถึงจุดแตกหักกลายเป็นสงครามกลางเมืองจากการใช้ความรุนแรงของกลุ่มผู้ประท้วงภายใต้ธงผืนเดียวกันและนามแห่ง Reunion

    Reunion คือกลุ่มผู้ติดเชื้อและผู้ประท้วงซึ่งถูกยกระดับขึ้นเป็นกองกำลังที่มีคนจำนวนมหาศาลเข้าร่วม ภายใต้อุดมการณ์สร้างโลกที่ผู้ติดเชื้อจะอยู่กันได้อย่างไม่ต้องถูกกดขี่จากสังคมอีกต่อไป ด้วยการนำของ Talulah สาวสวยลึกลับที่อดีตเป็นปริศนา ทว่าสิ่งที่แน่ชัดคือเธอเป็นทั้งผู้นำสูงสุดและผู้ปลุกระดมให้เกิดการจลาจลขึ้นทั่วทั่ง Terra ซึ่งแม้อาจจะไม่มียุทโธปกรณ์เทียบเท่ารัฐบาลหรือทางการในทีแรก แต่กลุ่ม Reunion ก็ใช้ประโยชน์จากการที่เลือดของพวกตนมีแร่ Originium ไหลเวียนอยู่ เพิ่มประสิทธิภาพให้อาวุธของตนรวมถึงเวทมนต์หรือ Arts ที่แม้จะเป็นเรื่องปกทั่วไปใน Terra อยู่แล้ว แต่เมื่อมันกลายพันธุ์เป็น Originium Arts ก็ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้งานสูงขึ้นลิบลับ ราวกับถูกอัดฉีดเร่งการแสดงผล แม้ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยชีวิตที่ต้องถูกกัดกินเร็วขึ้นก็ตาม และเพราะด้วยลักษณะการต่อสู้ถวายหัวเช่นนี้กอปรกับกำลังพลเข้าขั้นมหาศาลของพวกเขาก็ทำให้ Reunion กลายเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่โลก Terra ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน

    พวกเขาเปรียบเสมือนเกลียวคลื่นทำลายล้างสีแดงแห่งท้องทะเลที่สาดซัดอย่างบ้าคลั่ง กัดเซาะตลิ่งหรือกลืนกินเกาะแก่งไปทั่วอย่างไม่สนใครหน้าไหน แต่เพียงเกาะแห่งเดียวที่ต้านทานยืดหยัดไว้อย่างเต็มกำลังและเป็นแสงแห่งความหวังในฐานะปราการสุดท้ายแห่งสันติชนคน Terra


    เกาะแห่งนั้น…


    –Rhodes Island

    ทำแบบนี้ มันคุ้มแล้วจริงๆ เหรอ…?


    –อมิยะ


    บางสิ่งยิ่งทรงพลังขนาดไหน แท้จริงแล้วก็ยิ่งเปราะบางไม่ต่างกัน มันเป็นกฎแห่งธรรมชาติ เธอรู้ใช่ไหม”


     


    “บางทีมันอาจเป็นแค่ความคิดความเพ้อพกของฉัน แต่ที่สุดแล้วก็อยากให้ Rhodes Island กลายเป็นบ้านหลังที่ 2 ของทุกคนจริงๆ 


    ถึงจะไม่มีใครเลยที่เข้าใจ แต่ฉันก็จะเดินหน้าในทางที่เลือกต่อไป แม้ว่ามันอาจจะแผดเผาฉันจนเหลือเพียงเถ้าธุลีก็ตาม

    เพราะหากไม่ใช่ฉันที่ลงมือทำ…


    โลกนี้ก็ไม่เหลือใครแล้วค่ะ”

    Rhodes Island ความหวังสูงสุดแห่งชนชาว Terra


    Rhodes Island มีชื่อเต็มๆ ว่า Rhodes Island Pharmaceuticals Inc. และใช่ครับ นี่ไม่ใช่เกาะตามคำอุปมาอุปมัยข้างต้น แต่คือองค์กรวิจัยทางการแพทย์ระหว่างประเทศ ที่มีพันธกิจสำคัญคือต่อสู้กับโรคร้ายอย่าง Oripathy โดยการพยายามหาทางรักษาหรือชะลออาการให้มากที่สุด ภายใต้การบริหารและดูแลของบุคลากรคนสำคัญทั้ง 3 อันได้แก่ Kal’tsit ผู้ดูแลเรื่องงานรักษา, Amiya ผู้นำสูงสุด และ ด๊กต้า (AKA Doctor หรือ ตัวเรา ซึ่งแม้ตัวตนจะยังเป็นความลับอยู่แต่น่าจะเคยเป็นคนสำคัญมากๆ ขององค์กร) องค์กรของพวกเขาไม่เคยลังเลที่จะรับผู้ติดเชื้อมารักษา หรือแม้แต่การส่งคนสู่พื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด เพราะพวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดแล้วในด้านนี้ และเพื่อการสู้กับโรคร้ายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด Rhodes Island จึงเป็นองค์กรที่รวบรวมผู้คนที่เก่งกาจในสายงานต่างๆ มากมายมาจากทุกมุมโลก รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลประเทศต่างๆ ทั่ว Terra ทั้งในแง่การเงิน อุปกรณ์ และบุคลากรฝ่ายบู๊และบุ๋นอย่างเปิดเผยอีกด้วย 


    นั่นเพราะพวกเขาเองก็อยากที่จะรักษาโรคร้าย ขจัดความเหลื่อมลํ้า และเปลี่ยนโลกไปในทางที่ดีขึ้นให้ได้เช่นกัน

    “พวกเราอาจเคยถูกไล่กำจัด ถูกทรยศ ดวงตามืดบอดต่อความหวังและความตายที่ไม่อาจหวนคืน แต่ถ้าหากว่ารอยเท้าแห่งชีวิตได้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าวันหนึ่งจะต้องถูกฝังกลบไปตามกาลและเวลา เช่นนั้นแล้วเราจึงไม่ควรหยุดเดินไปข้างหน้าแม้แต่วินาทีเดียวค่ะ


    –ด็อกเตอร์คัลซิสต์ โปรดเป็นแสงนำทางให้กับเราด้วยนะคะ”


    “ถ้างั้นแล้วเธอล่ะ?”


    “เพราะว่ามีพ้องเพื่อนทั้งหลาย ฉันจึงไม่มีวันเดียวดายค่ะ 


    นั่นเพราะสุดท้ายแล้วพวกเราก็คือ…”


    “Arknights”


    แล้วคุณล่ะ ยังยืนหยัดกับพวกเราไหมคะ?

    ด็อกเตอร์

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น